"Converse" รองเท้าผ้าใบที่มีทุกบ้าน หยิบมาใส่เมื่อไหร่ก็ไม่มีเอ้าท์ !

avatar writer
โดย : imnat
avatar writer18 ก.ค. 2565 avatar writer7.7 K
"Converse" รองเท้าผ้าใบที่มีทุกบ้าน หยิบมาใส่เมื่อไหร่ก็ไม่มีเอ้าท์ !

 

Good shoes take you good places.

รองเท้าที่ดี จะพาเราไปในที่ดี ๆ

 

จากคำคมสุดอมตะนี้ ทำให้เรานึกถึงรองเท้าขึ้นมายี่ห้อนึง ที่น่าจะเป็นรองเท้าที่เคยอยู่เคียงข้าง หรือเคยผ่านการใช้เวลาร่วมกับผู้คนมาแล้วหลายยุคหลายสมัย และต่อให้มันจะมีอายุมากกว่า 100 ปีแล้วในตอนนี้ แต่ด้วยดีไซน์ที่อยู่เหนือกาลเวลา รวมถึงสไตล์ Casual ที่สามารถปรับแต่งให้เข้ากับการแต่งตัวหลาย ๆ แบบได้ เลยทำให้มันกลายเป็นรองเท้าผ้าใบที่สามารถเอาอยู่ได้ทุกสถานการณ์จริง ๆ เรียกได้ว่า ถ้านึกอะไรไม่ออก ขอให้บอก Converse ไว้ก่อน

 

ซึ่ง Converse คือรองเท้าผ้าใบที่เราจะพูดถึงกันในคอนเทนต์นี้ และเชื่อว่ากว่า 70% ของคนที่กำลังอ่านอยู่ในตอนนี้ จะต้องเคยเป็นเจ้าของรองเท้าผ้าใบสุดคลาสสิกในตำนานอย่าง Converse กันมาแล้วแน่นอน

 


 

เปิดตำนาน "Converse"

จากรองเท้ายางสำหรับหน้าหนาว สู่รองเท้าผ้าใบคู่ใจสายดังก์

 

มากกว่า 60% ของคนอเมริกัน เป็นเจ้าของ หรือเคยเป็นเจ้าของรองเท้าผ้าใบยี่ห้อ Converse กันมาแล้วอย่างน้อย 1 คู่ในชีวิต เพราะอะไรรองเท้าผ้าใบ Converse ถึงได้กลายเป็นรองเท้าผ้าใบขวัญใจคนอเมริกัน รวมถึงคนทั้งโลกแบบนี้ อันดับแรกเลย คือ Converse ได้ผลักดันศักยภาพที่รองเท้ายาง ควรจะทำได้  ให้มันเกิดขึ้น !

 

Marquis M. Converse ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Converse กับรองเท้ายางสำหรับหน้าหนาวที่วางจำหน่ายในตอนแรก

 

Converse แบรนด์รองเท้าสัญชาติอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1908 โดย Marquis M. Converse ที่ ณ ตอนนั้นเค้าได้มีอายุย่างเข้าปีที่ 47 แล้ว โดยสินค้าที่วางขายในช่วงแรกจะเน้นไปที่ รองเท้ายางสำหรับสวมในหน้าหนาว ไม่ว่าจะเป็นของคุณผู้ชาย คุณผู้หญิง รวมไปถึงบรรดาคุณหนู ๆ Marquis M. Converse ได้มีความเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเองว่า รองเท้าอะไรที่สามารถทำจากยางได้ เค้าก็จะทำให้มันเกิดขึ้น นั่นจึงกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางเข้าสู่วงการรองเท้าสำหรับสวมในชีวิตประจำวัน ซึ่งผลปรากฎว่า ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปี รองเท้ายางยี่ห้อ Converse ได้มีกำลังการผลิตโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4,000 คู่ ต่อ 1 วัน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก

 

Marquis M. Converse ได้พาอาณาจักรรองเท้ายางของเค้า เข้าสู่วงการรองเท้ากีฬาเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1915 ซึ่งในตอนนั้น กีฬาที่ได้รับความนิยมในหมู่คนอเมริกันก็ได้แก่ ฟุตบอล และเทนนิส เค้าเลยตัดสินใจที่จะผลิตรองเท้าสำหรับใส่เล่นกีฬาเทนนิสออกมาวางขาย แต่ทว่าผลตอบรับกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด

 

จนกระทั่งการมาถึงของกีฬาบาสเกตบอล

ที่ได้มอบโอกาสให้รองเท้ายางยี่ห้อ Converse นี้ ได้แสดงฝีมืออีกครั้ง

 

ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1891 ที่เมือง Springfield ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มีกีฬานึงถือกำเนิดขึ้นมาจากกิจกรรมภายในโรงเรียนในช่วงฤดูหนาว ซึ่งกีฬาที่ว่านั้นก็ได้แก่ บาสเกตบอล ที่ต้องบอกเลยว่าในช่วงแรก ๆ กีฬาบาสเกตบอลยังคงจำกัดการเล่นอยู่ภายในกลุ่มของเด็กนักเรียน เลยทำให้ตัวกีฬายังไม่เป็นที่รู้จักในคนหมู่มากสักเท่าไหร่

 

จนกระทั่งเวลาได้ผ่านไปกว่า 20 ปี กีฬาบาสเกตบอลนี้ก็เริ่มจะเป็นที่รู้จักของคนอเมริกามากขึ้น แต่ใด ๆ ก็ตาม ความนิยมของมันก็ยังเป็นรองกีฬาเทนนิส กับฟุตบอลอยู่ดี ดังนั้น การตัดสินใจครั้งนี้ของ Marquis M. Converse เลยมาพร้อมกับความเสี่ยงที่มากกว่าเดิม แต่สุดท้ายโชคก็ได้เข้าข้างความตั้งใจของเค้า เพราะรองเท้าบาสเกตบอลรุ่นแรกของ Converse อย่าง Non-Skid ที่ได้เปิดตัวไปในปี ค.ศ. 1917 ได้รับความสนใจจากนักกีฬาบาสเกตบอลเป็นอย่างมาก ซึ่งนั่นถือได้ว่าเป็นใบเบิกทางที่ดีของ Converse กับวงการกีฬาบาสเกตบอลเลยทีเดียว

 

ภาพรองเท้าบาสเกตบอลรุ่นแรกของ Converse มีจุดเด่นอยู่ที่สีน้ำตาลธรรมชาติ ที่มาพร้อมกับขอบยางสีดำ

 


 

Charles Chuck H. Taylor

ชายที่เชื่อมั่น และอุทิศลมหายใจให้ Converse

 

ถ้าจะให้ยกตัวอย่างคนที่คลั่งรัก และมี Passion อันแรงกล้าให้กับรองเท้า Converse เอามาก ๆ Charles Chuck H. Taylor คนนี้ ถือได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีมาก เพราะเค้าคนนี้คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบรองเท้า Converse รุ่นฮิตที่สุดตลอดกาลอย่าง Converse Chuck Taylor All Star 

 

 

Charles Chuck H. Taylor คือนักกีฬาบาสเกตบอลชาวอเมริกัน, พนักงานขาย และนักการตลาดของ Converse ซึ่งเค้าได้เดินทางเข้าสู่วงการบาสเกตบอลครั้งแรก ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ High School โดยเค้าได้เริ่มต้นมาจากการเล่นในตำแหน่ง Guard ก่อนที่จะเขยิบมาเป็นกัปตันของทีม แถมยังนำพาทีมให้ได้รับการคัดเลือกถึง 2 ครั้ง 2 ครา

 

ซึ่งการมาของชายคนนี้ ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับแบรนด์ Converse เป็นอย่างมาก  หลังจากที่ Converse Non-Skid ได้เปิดตัวไปประมาณ 4 ปี มีอยู่วันหนึ่งเค้าได้เดินทางไปยังร้านขายรองเท้า Converse แห่งหนึ่ง ก่อนจะเล่าถึงปัญหาที่ได้เจอมาหลังจากที่สวมรองเท้า Converse Non-Skid ไปกับการเล่นกีฬาของเค้า โดยเค้าได้เล่าว่า เค้าได้รับบาดเจ็บที่บริเวณเท้า ทั้งยังรู้สึกไม่สบายเท้าหลังจากที่ได้สวม Converse เล่นบาสเป็นระยะเวลานาน เค้าเลยอยากจะให้ Converse พัฒนารองเท้ากีฬาบาสเกตบอลรุ่นใหม่ออกมา ให้มันสามารถรองรับกับข้อเท้าได้มากขึ้น อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นมากขึ้นกว่าเดิม

 

โดยการร้องขอของเค้าไม่ได้มีแค่นี้ ด้วยความที่เค้าเชื่อมั่นในรองเท้าของ Converse อยู่แล้ว และอยากจะให้ Converse ทำรองเท้าในแบบที่เค้าต้องการออกมาจริง ๆ เค้าเลยได้ทำการแลกเปลี่ยนกับทางแบรนด์ว่าจะยอมเป็นพนักงานขายให้กับรองเท้ารุ่นใหม่ (ถ้ามันได้ถูกทำออกมาจริง ๆ ) และเค้าจะทำการโปรโมทรองเท้าคู่นี้ให้ ไม่ว่าเค้าจะเดินทางไปแข่งที่ไหน เค้าก็จะกระเตงรองเท้ารุ่นนี้ไปขายด้วย

 

 

ซึ่งใครจะไปรู้ว่า หลังจากนั้นไม่นาน Converse ก็ได้มีการเปิดตัวรองเท้าบาสเกตบอลรุ่นใหม่นี้ออกมาจริง ๆ ซึ่งคราวนี้นอกจากมันจะถูกพัฒนาให้รองรับกับข้อเท้า ทั้งยังให้ความยืดหยุ่นในการเคลื่อนไหวที่มากขึ้นแล้ว มันยังถูกทำขึ้นมาในสีใหม่ อย่างสีดำล้วน ที่ดูเท่ และทะมัดทะแมงขึ้น และหลังจากที่ได้ตามคำขอเป็นที่เรียบร้อยแล้ว Charles Chuck H. Taylor ก็ได้ทำตามสัญญาด้วยการนำรองเท้ารุ่นใหม่นี้ (ที่ในตอนนั้นยังไม่มีชื่อรุ่นเลยด้วยซ้ำ) เดินสายไปกับเค้า ซึ่งเค้าก็ได้นำพารายได้ส่วนนึงมาให้กับทางแบรนด์ได้จริง ๆ 

 

แต่เหตุการณ์ที่พีคที่สุด  ที่ถือได้ว่าเป็นจุดเปลี่ยนอย่างไม่คาดคิด คือเหตุการณ์ที่เค้าได้ทำการสวมรองเท้ารุ่นใหม่นี้ ลงแข่งในปี ค.ศ. 1930 ซึ่งนั่นทำให้รองเท้าบาสเกตบอลรุ่นนี้ของ Converse มียอดขายถล่มทลาย จนทาง Converse ซาบซึ้งใจไม่ไหว จัดการบันทึกชื่อของเค้าลงบนแพทช์ด้านหลังของตัวรองเท้า รวมไปถึง ได้ตั้งชื่อให้กับรองเท้ารุ่นนี้ด้วยเลยว่า Converse Chuck Taylor All Star ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตา และคุ้นชื่อของมันในทุกวันนี้นี่เอง

 

แพทช์บริเวณด้านหลังรองเท้า และชื่อของ Chuck Taylor ที่ปรากฎอยู่บนโลโก้ด้านข้างของ Converse Chuck Taylor All Star

 

ปรากฎการณ์ Chuck Taylor ฟีเวอร์ไม่ได้มีแค่นั้น ถึงแม้ว่าจะได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ให้กำเนิดรองเท้ารุ่นนี้แล้ว Charles Chuck H. Taylor ก็ยังคงโปรโมทให้กับรองเท้ารุ่นนี้อยู่เรื่อย ๆ จนทำให้ Converse Chuck Taylor All Star กลายเป็นรองเท้าบาสเกตบอลที่ถูกใส่ในงาน Olympics ที่จัดขึ้นในปี ค.ศ. 1936 แถมรองเท้า Chuck Taylor รุ่นที่ถูกใส่ในงาน Olympics นั้น ยังถูกทำออกมาเป็นสีขาวเป็นครั้งแรกอีกด้วย

 

และไม่ใช่แค่นั้น Converse Chuck Taylor All Star ยังเป็นรองเท้าผ้าใบสำหรับใช้ฝึกอย่างเป็นทางการของกองทัพสหรัฐ โดยผู้ที่ดันหลังมันก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็น Charles Chuck H. Taylor คนเดิม ที่ในตอนนั้นเค้าได้รับหน้าที่ให้เป็นโค้ชให้กับทีมบาสเกตบอลของกองทัพอากาศ อีกทั้งยังเป็นเทรนเนอร์ให้กับเหล่าทหารในกองทัพ เหมือนกับว่าอยู่ดี ๆ Converse Chuck Taylor All Star ก็ได้เวทีสำหรับการโปรโมทให้รองเท้ารุ่นนี้ขึ้นมาเฉย

 

จนสงครามโลกได้สิ้นสุดลง เค้าก็ได้อุทิศทุกลมหายใจให้กับรองเท้าผ้าใบ Converse รุ่นนี้มาเรื่อย ๆ ก่อนจะบอกลาวงการในปี ค.ศ. 1968 ซึ่งในตอนนั้นเค้ามีอายุได้ 68 ปีแล้ว ซึ่งในปีนั้นเค้าได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับรางวัล Basketball Hall of Fame ที่เวที Naismith Memoral ก่อนที่ปีถัดมาเค้าจะเสียชีวิตลงด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน 

 

นับได้ว่า ตลอดระยะเวลาที่ Charles Chuck H. Taylor เชื่อมั่นในรองเท้ายี่ห้อนี้

และได้ทุ่มเทให้กับรองเท้า Converse รุ่นนี้

ปัจจุบัน Converse Chuck Taylor All-Star ก็ยังคงเป็น 1 ในรองเท้าบาสเกตบอลในตำนาน

แม้ว่าเวลาจะผ่านมาแล้วหลายปีก็ตาม

 


 

 

จาก All Star ไอเทม สู่รองเท้าผ้าใบที่ใคร ๆ ก็ใส่ได้

 

ถึงแม้ว่า Converse Chuck Taylor All Star จะเป็นรองเท้าที่สร้างชื่อให้กับแบรนด์ Converse ได้ก็จริง แต่ก็ใช่ว่าทางเดินของแบรนด์นี้จะโรยไปด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เพราะตั้งแต่ปี ค.ศ. 1929 เป็นต้นมา Converse ก็ได้ประสบปัญหาเปลี่ยนตัวคนดูแลกิจการอยู่บ่อยครั้ง แถมกำไรก็ยังขึ้น ๆ ลง ๆ แล้วไหนจะมีสงครามโลกครั้งที่ 2 มาเป็นตัวกด Pause การเติบโตของแบรนด์ไปด้วยอีก (ซึ่งจริง ๆ ไม่ได้มีแค่ Converse แบรนด์เดียวนะ แต่เรียกได้ว่าแทบจะทุกแบรนด์ต่างก็ได้รับผลกระทบนี้กันหมด)

 

แต่อย่างที่บอกว่าทุกอย่างมันก็มีขึ้น แล้วก็มีลง หลังจากประสบกับปัญหาต่าง ๆ ที่เข้ามารุมเร้า Converse ก็ได้กลับขึ้นมาผงาดท่ามกลางบรรยากาศที่ผันผวนทางธุรกิจได้อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัว Converse Low Top All Star เป็นครั้งแรก โดยมันเป็นการอัปเกรดมาจากรองเท้า Converse Chuck Taylor All Star เวอร์ชันข้อสูง ให้กลายมาเป็นข้อสั้น ซึ่งผลปรากฎว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ได้ทำให้คนธรรมดาทั่วไป ที่ไม่ใช่นักกีฬา สามารถเข้าถึงรองเท้า Converse ได้ง่ายขึ้น คิดดูก็แล้วกันว่าตั้งแต่เปิดตัวรองเท้ารุ่นใหม่นี้มา ส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 80% ของอเมริกาในตอนนั้น Converse ก็คือกวาดเรียบไปหมดทุกอณู

 

 

Converse Low Top All Star นี้ ได้ทำให้เกิดกระแส ใคร ๆ ก็ใส่ Converse ได้ ขึ้นมา และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Converse ก็ได้ออกดีไซน์ใหม่ สีสันใหม่ รวมถึงรุ่นใหม่ ๆ ออกมาเพียบ จนทำให้เห็นได้ว่า รองเท้า Converse ที่เราเคยรู้จักกัน ไม่ใช่รองเท้าสำหรับกีฬาบาสเกตบอลอีกต่อไป (โดยนักกีฬาบาสเกตบอลคนสุดท้ายที่ได้สวมรองเท้า Converse Chuck Taylor All Star ลงสนามนั้นได้แก่ Mickey Johnson ในปี ค.ศ. 1985-1986) แถมมันยังได้กลายเป็นรองเท้าสำหรับทุกคน อีกทั้งยังกลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมของคนหลาย ๆ กลุ่มเลยด้วย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักดนตรีพังก์ร็อก, กลุ่มนักร้อง Hip-Hop, กลุ่มดารานักแสดง ไปจนถึงกลุ่มนางแบบ-นายแบบ

 

และไม่ใช่แค่นั้นนะ แต่ Converse ยังได้ขยายวงกว้างจากการเป็นรองเท้าผ้าใบที่วนเวียนอยู่แต่ในอเมริกา สู่การออกเดินทางไปเป็น Favourite Shoes ของคนทั้งโลก แถมมันยังกลมกลืน และเข้ากันได้ดีกับความแตกต่าง รวมถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี

 

โดยเฉพาะเอกลักษณ์ของ Converse Chuck Taylor All Star รุ่นนี้ ที่ตั้งแต่เปิดตัวมา สไตล์ของมันแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย ยังคงเอกลักษณ์ที่ Converse Chuck Taylor All Star ข้อสูง กับข้อสั้นอยู่เหมือนเดิม ต่อให้จะถูกทำออกมาในรุ่นพิเศษ เนื่องในโอกาสสำคัญต่าง ๆ บ้าง แต่ DNA ของ Chuck Taylor ก็ยังเป็น Chuck Taylor อยู่วันยังค่ำ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม

 

และสำหรับใครที่สนใจอยากจะช็อปรองเท้า Converse Chuck Taylor All Star รุ่นนี้ สามารถตามไปช็อปกันได้ที่


 

💭 ถึงแม้ว่าปัจจุบันนี้ แบรนด์ Converse จะตกไปอยู่ในมือของ Nike เป็นที่เรียบร้อย แต่ก็นับได้ว่าทาง Nike เองก็ไม่ได้คิดจะรื้อทิ้งเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ Converse ออกไปเลย มีแต่จะคอยย้ำเตือนให้คนรุ่นใหม่ ที่อาจจะไม่ได้โตมาพร้อมกับแบรนด์ สามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของมันได้เรื่อย ๆ ผ่านการทำการตลาดต่าง ๆ รวมไปถึงการจับไปคอลแลปส์กับบุคคล หรือแบรนด์ดังที่กำลังมาในช่วงนั้น

 

เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้เข้าถึง Converse ได้ง่ายขึ้น และสนุกกับการหยิบจับรองเท้า Converse มาใส่ในวันที่ไม่รู้จะแต่งตัวยังไง หรือไม่รู้จะคอมพลีทลุคตัวเองแบบไหน รองเท้า Converse นี้ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดี สมแล้วกับที่ได้ชื่อว่าเป็นรองเท้าผ้าใบที่เอาอยู่ทุกสถานการณ์ เพราะต่อให้คิดอะไรไม่ออก ขอให้บอก Converse ไว้ รับรองว่าช่วยได้แน่นอน !

 

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ได้ที่นี่


แหล่งข้อมูลอ้างอิง  : zippia, mrporter, chucksconnection, wikipedia และ smithsonianmag

  • avatar writer
    โดย imnat
    เสพติดการอ่าน & ดูหนัง ตอนนี้อยู่ในระหว่างการทำตามความฝันให้สำเร็จ :)
แสดงความคิดเห็น