ไกลตัว แต่ใช่ว่าจะไม่ติด ! รู้จัก " ฝีดาษลิง " โรคระบาดใหม่ ต่อให้ไม่ใกล้ชิดลิงก็เสี่ยงติดได้ !

avatar writer
โดย : imnat
avatar writer6 มิ.ย. 2565 avatar writer846
ไกลตัว แต่ใช่ว่าจะไม่ติด ! รู้จัก " ฝีดาษลิง " โรคระบาดใหม่ ต่อให้ไม่ใกล้ชิดลิงก็เสี่ยงติดได้ !

 

เชื่อว่า 99% ของคนที่เข้ามาอ่านคอนเทนต์นี้ น่าจะเคยได้ยินชื่อ " ฝีดาษลิง " หรือ Monkeypox  กันมาบ้างแล้ว แต่ด้วยความที่ว่า ณ ตอนนี้ยังไม่ได้มีการระบุจำนวนผู้ติดเชื้อของโรคนี้ในไทยเป็นรายแรก เราทุกคนเลยใช้ชีวิตกันแบบปล่อยให้มันเลยตามเลย แบบที่ไม่ได้สนใจว่า อันตราย ของโรคที่ว่านี้คืออะไร แต่เปย์เป้อยากบอกให้ทุกคนรู้ไว้ ว่าต่อให้จะดูเหมือนไกลตัวก็จริง แต่โรคฝีดาษลิงที่ว่า สามารถ คร่าชีวิต คนกันได้เลยนะ !

 


 

 

ไขข้อสงสัย " ฝีดาษลิง " คืออะไร แล้วเกี่ยวข้องยังไงกับลิง ? 🐒 

 

ไม่ต้องยกตัวอย่างที่ไหนไกล แต่เป็นเปย์เป้เองนี่แหละที่พอได้ยินชื่อ ฝีดาษลิง ครั้งแรก ก็เกิดความสงสัยขึ้นมาแล้วว่า " ฝีดาษลิง เกี่ยวข้องอะไรกับลิง " ทางเราเลยจัดการวิ่งแจ้นไปหาคำตอบมาให้เพื่อน ๆ กันแล้วว่า ที่มาของโรคนี้คืออะไร มีความเกี่ยวข้องกับลิงตรงไหน เอ้า มาไขข้อสงสัยไปพร้อมกันได้เลยคร้าบ... 

 

สำหรับ โรคฝีดาษลิง หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Monkeypox นี้  ได้มีการค้นพบการระบาดในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา (ล่าสุดที่มีการค้นพบการระบาดของโรคนี้คือปี พ.ศ. 2560 ที่ประเทศไนจีเรีย) จนถึงตอนนี้ แม้จะยังไม่ถึงหนึ่งเดือนดี แต่ก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกปาไปแล้วกว่า 990 ราย (โชคดีที่จำนวนผู้ติดเชื้อในไทยยังคงเป็น 0 อยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าบ้านเราจะยังคงรักษาตัวเลข 0 นี้ไปได้อีกนานแค่ไหน) ตอนนี้ก็ได้แต่พนมมือและศึกษาข้อมูลของโรคกันไปพลาง ๆ เผื่อจะช่วยให้ตัวเองรอดพ้นจากโรคนี้ไปได้บ้าง (มาสาธุ 99 กันฮะ)

 

 

ส่วนที่มา - ที่ไปของ โรคฝีดาษลิง จริง ๆ แล้วโรคฝีดาษลิงนั้นเกิดมาจาก เชื้อไวรัสตัวหนึ่ง ที่จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับ โรคไข้ทรพิษ และเหตุผลที่ว่าทำไมถึงเรียกว่าโรคฝีดาษลิง ก็เพราะว่าการค้นพบโรคนี้ครั้งแรกนั้นเกิดจากลิง แต่จริง ๆ โรคนี้ไม่ได้ระบาดจากสัตว์จำพวกลิงอย่างเดียวนะฮะ แต่ยังรวมไปถึงสัตว์ตระกูลฟันแทะทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ลิง, หนู, กระรอก หรือว่ากระต่าย ซึ่งการระบาดที่ว่านี้จะแพร่เชื้อกันผ่านการสัมผัสโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสโดยตรงกับเลือด, น้ำเหลือง หรือแม้กระทั่งผื่นของสัตว์ 

 

นอกจากการติดต่อจากสัตว์ไปสู่คนแล้ว เชื้อไวรัสตัวนี้ยังสามารถติดต่อจากคนไปสู่คนได้ด้วย สำหรับการติดต่อจากคนสู่คนนั้น สามารถติดต่อกันได้ผ่านการสัมผัสโดยตรง ทั้งแบบที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ  ไม่ว่าจะเป็นการติดต่อผ่านสารคัดหลั่งจากการไอหรือจาม, ผดผื่น หรือแม้กระทั่งสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้ออยู่ก็สามารถติดเชื้อไวรัสนี้ได้เหมือนกันนะฮะ (ฟังดูก็แอบคล้ายการแพร่ระบาดของโรคโควิดอยู่เหมือนกันนะเนี่ย 🤔)

 

| ถ้าติดเชื้อไวรัสตัวนี้ขึ้นมา อาการของเราจะเป็นยังไง ?

 

สำหรับอาการที่พบโดยส่วนใหญ่มักจะมีอาการที่ไม่รุนแรงมาก แต่สิ่งที่ต้องเมคชัวร์ไว้ก่อนนั่นก็คือ ตุ่มใส  ที่จะขึ้นมาตามผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็นตามใบหน้า หรือว่าตามตัว แต่ไม่ต้องกังวลกันไปนะ เพราะตุ่มใสเหล่านี้จะยุบ แห้ง แล้วก็หายไปเอง อย่างบางคนอาจจะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย อาทิ

 

  • มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดหัว และปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยอาการนี้มักจะเป็นอาการก่อนที่ตุ่มใส หรือผื่นจะขึ้นตามตัวนะ
  • มีอาการท้องเสีย อาเจียน เจ็บคอ ไอ หรือบางคนอาจจะมีอาการหอบเหนื่อยร่วมด้วย
  • ในบางรายที่มีโรคประจำตัว หรือภูมิคุ้มกันต่ำ ถ้ารู้ว่าตัวเองมีอาการที่รุนแรงมาก ให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน เพราะอาการที่เป็นอยู่อาจจะรุนแรงจนถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ (แต่ไม่ได้มีเปอร์เซ็นต์การเสียชีวิตสูงขนาดนั้นนะ) เพราะฉะนั้นถ้ารู้ตัวว่ามีอาการ ไม่ว่าจะน้อย หรือมากแค่ไหน เปย์เป้อยากให้ทุกคนไปพบแพทย์เพื่อเซฟตัวเองไว้ก่อนจะดีกว่านะคร้าบ

 

สำหรับบรรดาอาการต่าง ๆ ที่บอกไปนี้ โดยปกติแล้วจะแสดงอาการหลังจากร่างกายได้รับเชื้อแล้วประมาณ 7-14 วัน ส่วนใหญ่มักจะมีสัญญาณเตือนก่อนอย่างการเป็นไข้ ปวดหัว หรือปวดเมื่อยตามร่างกาย แต่ด้วยความที่ว่าอาการเริ่มต้นมีความใกล้เคียงกับโรคโควิดมาก ดังนั้น ถ้ามีอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ ก็ควรจะต้องสังเกตตัวเองไว้  ATK ก็แยงเข้าไป บวกกับสำรวจตัวเองว่ามีตุ่มใสขึ้นไหม ตอนนี้เซฟตัวเองได้ ควรเซฟกันไว้ด้วยเด้อ (ก็บทมันจะคล้ายกันเบอร์นี้ ฮือ หลอนนน 😱 )

 


 

 

น่ากลัวขนาดนี้ เราจะป้องกันยังไงไม่ให้ติดได้บ้าง ?

 

สำหรับโรคฝีดาษลิงนี้ บอกไว้ก่อนล่วงหน้าเลยว่าจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายแบบ 100%  นะ แต่เราสามารถป้องกัน และลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษ  แต่ ขีดเส้นใต้แต่ไว้ก่อนเลยว่า ประเทศไทยเราได้มีการยกเลิกฉีดวัคซีนตัวนี้ไปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 แล้ว (แต่แว่ว ๆ มาว่าไทยเตรียมนำเข้าวัคซีนตัวนี้มากันไว้แล้วนะ เพราะอย่างที่บอกว่าเราไม่มีโอกาสรู้ได้เลยว่า ความเป็นไปได้ของโรคนี้ที่จะเข้าไทยนั้นมีเปอร์เซ็นต์มากน้อยแค่ไหน) ใดใดเปย์เป้ขอแนะนำวิธีการป้องกันตัวเองเบื้องต้นให้ก่อนก็แล้วกัน ว่าตอนนี้เราจะสามารถเซฟตัวเองได้เบื้องต้นยังไงกันบ้าง ?

 

  • หมั่นล้างมือ และใช้เจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งหลังจากสัมผัสกับสิ่งของ, สัตว์เลี้ยง หรือว่าสารคัดหลั่งต่าง ๆ 
  • ควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง เมื่ออยู่ในพื้นที่เสี่ยง หรือพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดของเชื้อ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ที่ป่วย โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลฟันแทะ  
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแผล ตุ่มใส ตุ่มหนอง จากผู้ที่มีประวัติเสี่ยง หรือเลี่ยงการสัมผัสไปเลยก็จะยิ่งดี หรือถ้าเป็นเราเองที่มีแผล ก็ไม่ควรให้สารคัดหลั่งจากแผลของเราไปโดนตัวคนอื่น หรือให้คนอื่นสัมผัสกับตัวเรา

 

อย่างที่บอกไปว่าต่อให้ประเทศไทยมีการยกเลิกฉีดวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าประเทศไทยของเราจะไม่มีวัคซีนตัวนี้อยู่เลยนะ เพียงแต่เค้าจะฉีดให้เป็นกรณี ๆ ไป ถ้าให้ยกตัวอย่างก็จะเป็น ผู้มีความเสี่ยงสูง และผู้ที่ได้รับเชื้อมาแล้วไม่เกิน 14 วัน จะสามารถฉีดวัคซีนตัวนี้กันได้นะฮะ ✌🏼 ส่วนใครที่อยากจะติดตามข่าวสาร อัปเดตจำนวนผู้ติดเชื้อของโรคนี้ ก็สามารถเข้าไปติดตามกันได้ที่ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

 


 

💭 ต่อให้โรคนี้จะดูเหมือนไกลตัวพวกเราก็จริง แต่ถ้ารู้ไว้หน่อย ก็น่าจะดีกว่า เพราะอย่างน้อยเราก็จะได้รู้ว่าควรป้องกันยังไง สาเหตุของโรคมาจากไหน จากที่เสี่ยง ก็จะได้ช่วยลดความเสี่ยงลงมาได้ หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับเพื่อน ๆ แล้วล่ะฮะ ว่าจะดูแลตัวเองกันได้ดีไหม แต่ใดใดการป้องกันตัวเองจากโควิดก็ถือว่าเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนควรจะต้องปฏิบัติกันอยู่นะคร้าบ ฮึบ ๆ 😉 

 

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ได้ที่นี่

 


แหล่งข้อมูลอ้างอิง  : healthserv, bbc และ paolohospital

  • avatar writer
    โดย imnat
    เสพติดการอ่าน & ดูหนัง ตอนนี้อยู่ในระหว่างการทำตามความฝันให้สำเร็จ :)
แสดงความคิดเห็น